แนะนำ 6 ครีมกันแดดสำหรับเด็ก อัพเดทล่าสุดปี 2567

พบกับส่วนลด โปรโมชั่น ราคาถูก มีให้เลือกหลากหลาย - โปรส่งฟรี ส่งไว เก็บเงินปลายทาง ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง จัดเต็มกับโปรโมชั่นมากมาย พร้อมส่วนลดแบบจุกๆ ลดพิเศษสูงสุดมากถึง 70% พลาดไม่ได้ ต้องร้านแนะนำของเราเท่านั้น
คุณภาพเจ๋ง ราคาที่ไม่แพง เราแนะนำเลยเจ้านี้ ครีมกันแดดสำหรับเด็ก  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  จากร้านค้า Online ที่ถู๊กถูกและเยี่ยมที่สุดในไทย สั่ง ครีมกันแดดสำหรับเด็ก  ไป ราคาถูกกว่าซื้อห้าง สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาจะลดลงอีกลองเข้าไปดูที่ร้านได้ เลยจัดไป ได้รับสินค้าเรียบร้อย จัดส่งรวดเร็ว ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่พบปัยหาเลยกับทางร้านค้า

     
คุณรู้หรือไม่? การเลือกซื้อครีมกันแดดสำหรับเด็กแต่ละชนิดนั้นมีทั้ง ครีมกันแดดสำหรับเด็ก นอกจากจะพิจารณาเรื่องของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ คุณภาพ ความทนทาน ชื่อเสียงของแต่ละรุ่นแล้ว ยังควรพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางและพื้นที่ใช้สอยในครีมกันแดดสำหรับเด็กอีกด้วย โดยวันนี้เราได้จัดอันดับ ครีมกันแดดสำหรับเด็กแบบที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพมาให้คุณได้เลือกกันแล้ว ดังนี้

เนื่องจากผิวของวัยเด็กจะมีความบอบบางมากกว่าวัยผู้ใหญ่ จึต้องใช้ครีมกันแดดที่เป็นสูตรสำหรับพวกเค้าโดยเฉพาะ เนื่องจากมีความอ่อนโยนมากกว่า จึงช่วยถนอมผิวได้ดี ซึ่งนอกจากเด็ก ๆ จะใช้ดีแล้ว ผู้ใหญ่ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ทุกวันนี้หลายแบรนด์ต่างพากันพัฒนาครีมกันแดดออกมาแข่งขันกันมากมาย ทำให้เหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่สับสนกันหมดว่า จะเลือกครีมกันแดดให้ ลูก ๆ อย่างไรดี วันนี้เรามาจะดูกันค่ะว่า ครีมกันแดดสำหรับเด็กนั้นจะมี "วิธีการเลือกซื้อ" อย่างไรบ้าง

เมื่อรู้ว่าครีมกันแดดที่เหมาะกับเด็ก ๆ ควรมีลักษณะอย่างไรแล้ว ในส่วนถัดไป เรายังมี "10 อันดับ ครีมกันแดดสำหรับเด็กยอดฮิต" ที่ผ่านการเปรียบเทียบทั้งคุณสมบัติ, ราคาและรีวิวมาฝากกันอีกด้วยนะคะ

เราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าผิวของน้อง ๆ หนู ๆ ทั้งหลายมีความบอบบางกว่าผู้ใหญ่ แต่ทุกคนก็คงจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่า “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรอ่อนโยนกับเค้า” วันนี้เราเลยรวบรวมคำแนะนำต่าง ๆ จากเหล่าคุณแม่และผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาให้อ่านกัน ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทุกวันนี้ครีมกันแดดมี 2 ประเภทด้วยกันค่ะ แบบแรก คือ “Chemical” ที่กันแดดได้ด้วยตัวดูดซับ UV แต่กลับก่อให้เกิดการระคายเคืองสูง กล่าวคือยิ่งค่า SPF มากเท่าไร ก็จะยิ่งเสี่ยงที่จะระคายเคืองผิวมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับแบบ “Organic” ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ จึงมีความอ่อนโยนมากกว่า

จากที่เราได้เกริ่นไปในตอนต้น ลองจินตนาการดูนะคะว่าถ้าน้อง ๆ หนู ๆ ที่บ้านต้องทาครีมกันแดดที่มีตัวดูดซับรังสี UV เป็นประจำทุกวันจะเกิดอะไรขึ้น ใช่แล้วค่ะ! ผิวของเด็ก ๆ จะระคายเคือง อาจเป็นผื่นแดงและมีอาการแสบคันร่วมได้ บางคนอาจร้ายแรงจนถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้เลือกซื้อสูตรที่เป็น Non-Chemical หรือ Organic จะดีกว่า เพราะปราศจากตัวดูดซับรังสี UV และสารเคมี เช่น กลุ่ม Petroleum แถมยังล้างออกได้ง่ายด้วยสบู่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องบอกลาสูตร Chemical เสียทีเดียวนะคะ เพราะก็ยังมีประโยชน์อยู่ โดยคุณสามารถทาให้ลูก ๆ ได้ในวันที่ต้องออกแดดจัด ๆ นั่นเอง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สารเติมแต่งที่ใส่มาในครีมกันแดดของแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ จริง ๆ แล้ว “ไม่อันตราย” ค่ะ ผู้ใหญ่ที่มีสถาพผิวธรรมดาสามารถใช้ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับเด็กที่มีผิวบอบบาง ยิ่งกับเด็กที่อายุน้อยด้วยแล้วยิ่งต้องระวัง เพราะสารเติมแต่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสูตรที่มี “กลุ่ม Petroleum” และ “น้ำหอมสังเคราะห์”

หรือถ้าใครขี้เกียจอ่านส่วนผสมให้วุ่นวาย เลือกสูตรที่ระบุว่าเป็น Organic แทนก็ได้ค่ะ เพราะส่วนผสมหลักได้จากสารสกัดจากธรรมชาติ และมักไม่ใส่น้ำหอม กลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นของตัวครีมเองอยู่แล้ว จึงมีความปลอดภัยมากกว่า

อีกหนึ่งจุดที่สำคัญ อย่าลืมเช็กจากรายละเอียดสินค้านั้น ๆ หรือจากรีวิวด้วยนะคะว่า สามารถล้างออกง่ายแค่ไหน ทางที่ดีควรจะล้างออกได้ด้วยสบู่หรือน้ำอุ่น เพราะถ้าล้างออกยาก คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเช็ดด้วยคลีนเซอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียดสีหรือระคายเคืองต่อผิวน้องได้ เช่นเดียวกับการถูกเช็ดถูมาก ๆ นั่นเองค่ะ

เรามักจะติดค่านิยมว่า “ยิ่ง SPF และ PA เยอะ ยิ่งกันแดดได้มาก” แต่จริง ๆ แล้วค่าเหล่านี้มีอะไรซ่อนอยู่เยอะมากเลยค่ะ เรามาเช็กกันหน่อยดีกว่าว่าที่ผ่านมาเราเข้าใจถูกหรือเปล่า และจริง ๆ ควรจะเลือกซื้ออย่างไรกันแน่

ปกติแล้วไม่ว่าจะใช้ทาในวันปกติหรือออกกลางแจ้งก็ตาม เรามักจะเลือกสูตรที่มีค่า SPF สูง ๆ เอาไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าค่าที่สูงกว่าย่อมปกป้องได้ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งไม่ผิดเสียทีเดียวค่ะ แต่จากที่เราได้บอกไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า ครีมกันแดดแบบ “ตัวดูดซับรังสี UV” อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ และถ้ายิ่งมีค่า SPF สูงด้วยแล้วก็จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ดังนั้น การซื้อค่า SPF ที่เกินความจำเป็นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน เด็ก ๆ แค่ไปโรงเรียนหรือเล่นกลางแจ้งบ้างนิดหน่อย แนะนำให้เลือกสูตรที่มีค่า SPF 10-20 ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าวันไหนต้องออกไปกลางแจ้งอย่างเที่ยวทะเลนาน ๆ ให้ทาสูตรที่มีค่า SPF 30 จะป้องกันได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคำนึงถึงปริมาณการทาและความถี่ในการทาซ้ำด้วยนะคะ โดยปกติแล้วควรจะทาแต่พอดีก่อนออกแดด 30 นาที และเมื่อเลยระยะเวลาที่ครีมสามารถป้องกันได้แล้วให้ทาซ้ำอีกครั้ง โดยกะปริมาณครีมเหลือแค่ครึ่งหนึ่งจากตอนทาครั้งแรกเท่านั้น

หลายคนคงเคยเห็นค่า SPF และ PA กันจนชินแล้ว แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ข้อแตกต่างของสองค่านี้ โดยค่า SPF คือจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวสามารถทนต่อรังสี UVB ได้หลังจากทาครีมเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ค่า PA คือค่าบอกระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งถ้าเด็กต้องออกแดดจัด ๆ ให้เลือกระดับค่า PA มาก ๆ ไว้จะดีกว่า ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากเสียเวลาทาครีมให้เด็กซ้ำ ๆ แนะนำให้เลือกสูตรที่มีค่า SPF สูงหน่อยแทนนะคะ

เกร็ดน่ารู้ : ทราบไหมว่าระบบค่า PA เป็นค่าที่ถูกคิดค้นและใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น แต่ “ไม่ใช่ค่าสากล” ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรหากสินค้าในฝั่งตะวันตกจะไม่ระบุค่า PA ค่ะ

ข้อนี้ผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะตอนเลือกครีมกันแดดของตัวเองก็คงไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากไม่ส่งผลต่อการใช้งานมาก แต่ถ้าคุณต้องทาให้ลูก ๆ ล่ะก็ ข้อนี้ถือเป็นอีกสิ่งที่สำคัญเลยค่ะ เพราะเด็ก ๆ ไม่ค่อยอยู่นิ่งให้คุณทา แถมยังไม่ชอบอะไรเหนอะหนะอีกด้วย คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าควรเลือกอย่างไร

เนื้อสัมผัสแบบเจลมีข้อดี คือ เนียนลื่นจึงลูบไล้ไปกับผิวได้ง่าย ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถทาได้ไว ไม่เหมือนแบบครีมที่มักจะเป็นคราบขาวคอยกวนใจ แต่ข้อจำกัด คือ ไม่สามารถกันแดดแรง ๆ ได้เท่ากับเนื้อครีมและโลชั่น จึงเหมาะกับการทาในวันที่ไม่ต้องเจอแดดแรงมาก

ครีมกันแดดแบบสเปรย์ถือเป็นแบบที่ฮอตฮิตสำหรับสูตรเด็กเลยค่ะ เพราะใช้ง่ายและทาบริเวณกว้างอย่างแผ่นหลังได้ แถมยังพกพาสะดวก ไม่ต้องกลัวว่าจะหกเลอะเทอะอีกด้วย แต่ควรระวังการใช้กับเด็กเล็ก ๆ หรือเด็กที่ยังไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ตามคำสั่งพ่อแม่ได้นะคะ เพราะละอองสเปรย์อาจกระเด็นเข้าตาหรือปากหนู ๆ หรือควรฉีดที่มือของคุณพ่อคุณแม่แล้วค่อยทาให้จะดีกว่า (ใครจะใช้พัฟช่วยด้วยก็ได้)
เนื้อโลชั่นจะคล้ายกับเนื้อครีม แต่สามารถเกลี่ยได้ง่ายกว่า เหมาะกับการทาเป็นวงกว้าง ซึ่งนอกจากจะทาให้เบบี๋ได้แล้ว คุณแม่ยังสามารถใช้ลงก่อนแต่งหน้าได้ด้วยค่ะ เพราะจะช่วยให้เบสหรือรองพื้นที่ลงตามมาดูเรียบเนียนสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
เนื้อครีมจะมีปริมาณมอยส์เจอร์ไรเซอร์อยู่เยอะที่สุด จึงให้สัมผัสที่หนาหนัก พร้อมให้การป้องกันรังสี UV ที่สูงและกันน้ำกันเหงื่อได้ดีเพราะมีปริมาณน้ำมันเยอะ ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะทาในวันปกติของน้อง ๆ หนู ๆ นะคะ ควรจะทาแค่วันที่ต้องออกแดดจัด ๆ หรือลงว่ายน้ำเท่านั้น แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการการปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว แบบครีมนี้เหมาะมากเลยค่ะ

นอกเหนือจากสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ แต่ละคนยังมีการใช้งานที่แตกต่างกันไปอีก เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละสถานการณ์ ควรเลือกซื้ออย่างไรให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดกัน

สูตรกันน้ำไม่ได้หมายความว่าล้างออกยากเสมอไปนะคะ เพียงแต่เป็นสูตรที่สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีเท่านั้น จึงเหมาะกับการทาเมื่อต้องว่ายน้ำหรือเล่นน้ำทะเล แต่ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะและอย่าลืมเช็กจากรีวิวหรือรายละเอียดของสูตรนั้น ๆ ด้วยว่าล้างทำความสะอาดอย่างไรและยากง่ายมากแค่ไหน เพื่อเป็นการถนอมผิวของหนู ๆ

ตามธรรมชาติของผิวเมื่อโดนแดดมามาก ๆ ก็จะแห้งอยู่แล้ว และเมื่อผิวแห้งเกราะป้องกันต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงอย่างฉับพลัน ด้วย เป็นเหตุให้ผิวไหม้แดดนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น แนะนำให้เลือกซื้อสูตรที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์สูง เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้,แตงกวา, กรดไฮยาลูรอนิค และกรดอะมิโน

ส่วนเนื้อสัมผัสควรจะเป็นแบบครีมค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่หรือหนู ๆ คนไหนไม่ชอบเนื้อสัมผัสที่หนาหนักแนะนำให้เลือกเนื้อโลชั่นหรือน้ำนมแทน

ครีมกันแดดไม่ได้มีไว้ทาก่อนไปว่ายน้ำหรือทะเลอย่างเดียว ยังสามารถทาก่อนออกไปวิ่งเล่นในสนามหญ้าได้อีกด้วย ซึ่งนอกเหนือจากแสงแดดที่มากวนใจคุณพ่อคุณแม่แล้ว ยังมี “แมลง” ที่คอยจ้องจะกัดเด็ก ๆ ฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ซื้อสูตรที่มีคุณสมบัติช่วยกันแมลงด้วยไปในตัวก็จะดีกว่าการต้องมานั่งทาครีมหลาย ๆ ตัวค่ะ

จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแต่คุณแม่อย่างเดียวที่ใช้ได้นะคะ สาวโสดที่ผิวบอบบางเองก็ใช้ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะนอกจากจะมีความอ่อนโยนมากกว่าของผู้ใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่ยังมีราคาถูกกว่าด้วย โดยก่อนการซื้อ ต้องอย่าลืมเช็กสักนิดว่าสูตรนั้นสามารถทาหน้าได้หรือเปล่านะคะ เพื่อความชัวร์

คราวนี้เพื่อน ๆ คงรู้แล้วว่าจะเลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับลูก ๆ หรือตัวเองกันนะคะ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันดีกว่าว่ามีสินค้าตัวไหนน่าสนใจกันบ้าง และรีวิวของแต่ละชิ้นเป็นอย่างไร

ก่อนอื่นต้องบอกว่าสูตรนี้เค้าเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่แล้วนะคะ (ขวดเหลืองชมพู) ใครไปเห็นที่ไหนก็อย่าเพิ่งตกใจ แต่ยังคงคุณภาพไว้เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นครีมกันแดดที่ขาดไม่ได้เวลาไปเล่นน้ำทะเลเลยทีเดียวค่ะ เพราะกันด้ทั้งรังสี UVA/UVB พร้อมกันน้ำได้นานถึง 80 นาที และด้วยสูตร Hypoallergenic ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ปกป้องผิวของหนูน้อยอย่างอ่อนโยน แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดคราบเหลืองบริเวณปกเสื้อได้

นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์กลุ่มทำความสะอาดที่โด่งดังแล้ว แบรนด์นี้เขาก็มีสกินแคร์และซันบล็อกที่น่าสนใจด้วยนะจ๊ะ โดยสูตรนี้โดดเด่นด้วยนวัตกรรม Liposomal Lotion สามารถควบคุมให้สารกันแดดอยู่ที่ชั้นผิวเท่านั้น จึงไม่ซึมซาบเข้าร่างกายเด็ก พร้อมปกป้องผิวอย่างอ่อนโยนเพราะปราศจากน้ำหอมและสารกันเสีย ซึ่งได้รับการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าสามารถใช้กับเด็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบได้

หมายเหตุ : เหมาะกับเด็กอายุ 12 เดือนขึ้นไปและแพ็กเกจขวดเป็นหัวปั้ม
ต่อกันด้วยแบรนด์ Sebamed จุดเด่นอยู่ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดดและอาหารแพ้ต่าง ๆ พร้อมผสานคุณค่าด้วย Inulin และ Lecithin ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น โดยปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน ผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่าผิวของลูก ๆ จะได้รับการปกป้องและบำรุงมากเพียงพอ แต่สูตรนี้มีเนื้อครีมค่อนข้างข้นและเหนียวนะคะ จึงอาจต้องใช้เวลาในการทา
อีกหนึ่งยี่ห้อที่น่าสนใจไม่แพ้กันสำหรับ Eucerin สูตรนี้ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVB และ UVA พร้อมทั้งลดการทำร้ายผิวจากรังสี High Energy Visible Light 85% อย่างอ่อนโยนโดยปราศจากน้ำหอม, สี และพาราเบน ซึ่งได้รับการวิจัยแล้วว่าช่วยลดการทำร้ายได้ถึงระดับเซลล์ พร้อมคงความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะ และมาในแพ็กเกจเป็นแบบสเปรย์ ทำให้ใช้งานได้ง่าย รวดเร็วทันใจ

หากพูดถึงครีมกันแดด เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึง BANANA BOAT เป็นแน่ค่ะ สำหรับสูตรนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ “ไม่ระคายเคืองตา” และไม่อุดตันรูขุมขน พร้อมช่วยปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างอ่อนโยน ที่สำคัญ มีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ที่ช่วยให้ผิวเด็ก ๆ ชุ่มชื้นไปด้วยในตัว โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป หลายคนที่ใช้ต่างบอกว่าเนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ เกลี่ยยากนิดนึง แต่ติดทนนาน

แบรนด์นี้ไม่ได้มีแต่ครีมกันแดดผู้ใหญ่อย่างเดียวนะคะ ของเด็กของก็มีด้วย โดยสูตรนี้สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB กันน้ำกันเหงื่อได้ดี พร้อมมีค่า pH-Balanced ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสี จึงอ่อนโยนต่อผิว ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ ยังไม่เหนียวเหนอะนะ สบายผิวกับเด็ก ๆ แถมยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยสบู่เด็กทั่วไปอีกด้วยค่ะ

ครีมกันแดดสำหรับเด็กสูตรสำหรับออกกลางแจ้งและว่ายน้ำโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี Broad Spectrum ช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมด้วยประสิทธิภาพในการกันน้ำสูง ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Penthenol และดูแลผิวเด็ก ๆ จากการโดนคลอรีนในสระน้ำ หรือการโดนน้ำทะเลเพื่อถนอมผิวไม่ให้แห้งกร้าน โดยสูตรนี้ได้ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าอ่อนโยนต่อเด็ก ๆ

กันแดดยอดฮิตอีกตัวสำหรับเด็ก ๆ จากแบรนด์ La Roche Posay ที่ดังในเรื่องความอ่อนโยนต่อผิว โดยตัวนี้เป็นสูตรเฉพาะสำหรับการออกแดดจัด มีจุดเด่นด้วยเทคโนโลยี Wet Skin ที่ทำให้สามารถทาบนผิวได้แม้เปียกน้ำเพราะเป็น Hydrophobic Film จึงสามารถชะโลมซ้ำได้อีกในระหว่างวันหากเด็ก ๆ ต้องเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมเป็นเวลานาน เป็นสูตรเนื้อเจล ทาง่าย สบายผิว ซึมไว ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA/UVB และ Infrared

กันแดดจาก Pigeon หนึ่งในแบรนด์ที่ฮิตในหมู่คุณพ่อคุณแม่ สำหรับครีมกันแดดสูตรนี้ถูกพัฒนามาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ จึงมีความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ขณะเดียวกันก็ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย Ceramide และ Hyaluronic Acid ทำให้ผิวไม่แห้งตึง สบายตัวตลอดวัน โดยมีหลายค่า SPF ให้เลือกซื้อ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของเด็ก ๆ ในแต่ละวันเลยค่ะ

มาที่อันดับที่ 1 ที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อคุณแม่อย่างล้นหลาม โดยสูตรนี้เป็นสูตรอ่อนโยนเพราะปราศจากน้ำหอมและพาราเบน และไม่อุดตันผิว สามารถใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัว ด้วยเทคโนโลยี XL Protect แบบเฉพาะของแบรนด์ จึงช่วยป้องกันทั้งรังสี UAV, UAB และ Infrared ได้ในตัวดี พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ กันน้ำได้ดี และเหมาะสำหรับทำกิจกรรมที่ต้องออกแดดจัด ๆ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป

วิธีทาครีมกันแดดให้เด็ก ๆ ไม่ต่างจากของผู้ใหญ่เท่าไร แต่มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรจะใส่ใจนิดนึงค่ะ โดยควรเกลี่ยครีมบาง ๆ ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ แล้วค่อย ๆ เพิ่มเลเยอร์หากไม่พอ อย่าทาหนาตั้งแต่แรกเพราะเนื้อครีมจะไม่ติดทน และควรทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อคงประสิทธิภาพของครีมด้วยนะจ๊ะ
สำหรับเบบี๋ที่มีผิวแพ้ง่ายแนะนำให้ผู้ปกครองลองทดสอบครีมนั้น ๆ ก่อนจะทาจริงนะคะ โดยการลองแต้มที่ผิวอ่อน เช่น ใต้ท้องแขน แล้วรอจนครบ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแดงแสบคันใด ๆ ก็สามารถใช้ได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าเกิดอาการดังกล่าวขึ้นมาให้รีบเช็ดออก รอสักพักจนกว่าอาการจะดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์
นอกจากนี้อย่าลืมใส่ใจ “อายุการใช้งาน” ด้วย โดยครีมกันแดดที่ถูกเปิดแล้วจะสามารถใช้ต่อไปได้อีก 3-6 เดือนเท่านั้น และไม่ควรนำกลับมาใช้อีกนะคะ เพราะแบคทีเรียอาจแพร่พันธ์ุไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้เสียดายเงินเลยค่ะ ยอมเสียค่าครีมกันแดดขวดใหม่ไปดีกว่าเสียค่ารักษา

นอกจากเด็ก ๆ แล้วครีมกันแดดสูตรนี้ยังเหมาะกับผู้ที่อยากใส่ใจสุขภาพผิวเป็นพิเศษอีกด้วยค่ะ ซื้อไปขวดเดียวสามารถแชร์กันใช้ได้ทั้งแม่ทั้งลูกเลยทีเดียว แต่เวลาเลือกซื้อให้หนู ๆ อาจจะต้องพิถีพิถันกันนิดนึง ใส่ใจเลือกสูตรที่เป็น Organic และไม่ผสมน้ำหอม โดยมีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา แค่นี้เด็ก ๆ ก็จะห่างไกลจากผิวไหม้แดดแล้วค่ะ

สำหรับใครที่อยากบำรุงผิวลูก ๆ หรือตัวเองหลังจากออกแดดจัดเพิ่มอีก แนะนำให้ซื้อ “เจลว่านหางจระเข้” ทาเลยค่ะ เพราะมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวหลังไหม้แดดและคืนความชุ่มชื้นให้กลับมาเนียนนุ่มขึ้นอีกด้วย ใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านกันต่อที่บทความแนะนำว่านหางจระเข้ของ mybest เราเลย